สะพานเสาขึงเคเบิลระนาบเดี่ยว ( single plane fan type cable-stayed bridge ) เข้ามามีบทบาทในระบบทางด่วนสายดาวคะนอง-ท่าเรือ เพื่อเชื่อมเส้นทางฝั่งธนบุรีและพระนครเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญสุดท้ายสำหรับทางด่วนสายนี้ ...เบื้องหลังการก่อสร้างสะพานที่ได้ชื่อว่า "ยาวที่สุดในโลก" แห่งนี้เริ่มจากความไม่ตั้งใจโดยแท้ หากแต่เพราะข้อกำหนดของกรมเจ้าท่า ที่ไม่ให้สิ่งก่อสร้างใดมีตอม่อตอกลงในน้ำที่มีความลึกเกิน ๒ เมตร เพราะบริเวณนั้นเป็นคุ้งน้ำและเส้นทางขนส่งที่เรือเดินสมุทรเข้าออกเพื่อรับและขนถ่ายสินค้าจากท่าเรือ ถ้ามีตอม่อของสิ่งก่อสร้างยื่นล้ำเข้าไปในเขตน่านนำ้ก็จะเป็นอุปสรรคของการสัญจรของเรือ ทั้งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุอีกด้วย นั่นคือสาเหตุที่ทำให้สะพานต้องยกสูงจากระดับน้ำทะเลขึ้นสูงสุด ๔๑ เมตร และระยะห่างระหว่างตอม่อสองฟากแม่น้ำยาวถึง ๔๕๐ เมตร บังคับให้สะพานต้องมี "ช่วงกลางยาวที่สุดในโลก" ไปโดยปริยาย
กว่าจะมาเป็นสะพานขึงแห่งนี้ ได้มีการศึกษาเปรียบเทียบเรื่องความเหมาะสมโดยกลุ่มบริษัทวิศวกรที่ปรึกษา ๔ บริษัท ซึ่งใช้เวลา ๑ ปี ๑๐ เดือน กับเงิน ๔๒ ล้านบาทในการพิจารณาตัวเลือกระหว่างการสร้าง "สะพาน" และ "อุโมงค์" ผลคือการสร้างสะพานมีความเหมาะสมกว่า ด้วยเหตุผลหลายประการ นับแต่ราคาค่าก่อสร้างที่ถูกกว่าถึง ๔ เท่า มีทัศนียภาพสวยงามกว่า การทรุดตัวของโครงสร้างเนื่องจากการสูบน้ำบาดาลมาใช้มีน้อยกว่า ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานและบำรุงรักษามีน้อยกว่าอุโมงค์ ที่เมื่อก่อสร้างเสร็จต้องมีค่าใช้จ่ายทุกวินาทีในการปั๊มน้ำระบายน้ำออกจากอุโมงค์ ต้องมีเครื่องวัดคาร์บอนมอมอนอกไซด์ที่ออกมาจากท่อไอเสียรถ เครื่องวัดความเข้มของอากาศเป็นพิษ การระบายอากาศและการให้แสงสว่างตลอดเวลา รวมแล้วต้องใช้เจ้าหน้าที่ชุดพิเศษสำหรับดูแลเหตุการณ์ภายในอุโมงค์ตลอด ๒๔ ชั่วโมงโดยเฉพาะ
เมื่อผลสรุปออกมาเช่นนี้ ปัญหาที่ตามมาคือการสร้างสะพานแบบไหนจึงเหมาะสม เพราะต้องไม่เป็นสะพานแบบยกเปิดปิดที่จะทำให้การจราจรบนทางด่วนมีปัญหา ประกอบกับต้องยึดถือข้อจำกัดที่กรมเจ้าท่ากำหนดไว้ข้างต้น ทำให้แบบสร้างสะพานถูกบีบให้แคบเหลือเพียง ๒ แบบคือ สะพานแขวน (suspension bridge) และแบบสะพานขึง (cable-stayed bridge)
ความแตกต่างระหว่างสะพานแขวนกับสะพานขึง คือ สะพานแขวน จะมีสายเคเบิล ๒ เส้น โยงยึดสะพานแล้วถูกนำไปยึดกับทุ่นคอนกรีตที่ปลายสะพานทั้ง ๒ ข้าง แต่ สะพานขึง จะใช้สายเคเบิลยึดไว้กับพื้นสะพานโดยตรง จึงไม่ต้องการทุ่นยึด แต่น้ำหนักจะไปรวมอยู่ที่เสากระโดงทั่งสองข้าง
เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่าย สะพานขึงที่ไทยสร้างอยู่นี้แม้จะเป็นสะพานช่วงยาวเหมือนกับสะพานแขวนที่ใช้ตอม่ออยู่ห่างกันมาก แต่ถือว่าในะยะทางประมาณ ๔๐๐-๖๐๐ เมตรแล้ว ค่าก่อสร้างสะพานแบบนี้จะประหยัดกว่าแบบสะพานแขวนถึง ๒๕ เปอร์เซ็น และจากการทดลองในห้องทดลองยังพบอีกว่า สะพานขึงแกว่งน้อยกว่าเมื่อเจอกับลมแรง แสดงว่าสามารถต้านแรงลมได้ดีกว่า นอกจากนี้ยังเหมาะกับดินเมืองไทยที่เป็นดินอ่อนอีกด้วย
ความแตกต่างระหว่างสะพานแขวนกับสะพานขึง คือ สะพานแขวน จะมีสายเคเบิล ๒ เส้น โยงยึดสะพานแล้วถูกนำไปยึดกับทุ่นคอนกรีตที่ปลายสะพานทั้ง ๒ ข้าง แต่ สะพานขึง จะใช้สายเคเบิลยึดไว้กับพื้นสะพานโดยตรง จึงไม่ต้องการทุ่นยึด แต่น้ำหนักจะไปรวมอยู่ที่เสากระโดงทั่งสองข้าง
เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่าย สะพานขึงที่ไทยสร้างอยู่นี้แม้จะเป็นสะพานช่วงยาวเหมือนกับสะพานแขวนที่ใช้ตอม่ออยู่ห่างกันมาก แต่ถือว่าในะยะทางประมาณ ๔๐๐-๖๐๐ เมตรแล้ว ค่าก่อสร้างสะพานแบบนี้จะประหยัดกว่าแบบสะพานแขวนถึง ๒๕ เปอร์เซ็น และจากการทดลองในห้องทดลองยังพบอีกว่า สะพานขึงแกว่งน้อยกว่าเมื่อเจอกับลมแรง แสดงว่าสามารถต้านแรงลมได้ดีกว่า นอกจากนี้ยังเหมาะกับดินเมืองไทยที่เป็นดินอ่อนอีกด้วย
(คัดลอก จากนิตยสารสารคดี ฉบับที่ ๒๙ เดือนกรกฎาคม ๒๕๓๐)


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น